Skip to main content

สิริมงคลแห่งแม่พระ

book

แม่พระคือผู้เสนอที่สามารถช่วยให้ทุกคนรอดได้

          อำนาจของมารดาเหนือบุตรของตนนั้นมีมากมายนัก แม้ว่าบุตรของตนจะเป็นถึงกษัตริย์ผู้มีอำนาจเหนือทุก ๆ คนในราชอาณาจักรแต่ถึงกระนั้นก็ตามมารดาผู้นี้จะกลายเป็นข้าราชบริพารของบุตรนางมิได้

            ถูกแล้ว ในเวลานี้พระเยซูเจ้าทรงสถิตอยู่เหนือสวรรค์ และประทับอยู่เบื้องขวาพระบิดา และมีอำนาจเหนือมนุษย์ทุกคน แม้ในสภาวะมนุษย์ พระองค์มีอำนาจเหนือแม่พระเพราะพระองค์อยู่ร่วมกับพระวจนาถของพระเป็นเจ้า แต่ก็ยังเป็นความจริงที่ว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ยังทรงสถิตอยู่ในโลกนี้ ที่พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะถ่อมพระองค์และขึ้นอยู่กับแม่พระ ตามที่นักบุญลูกาได้บอกให้เราทราบ “แล้วพระองค์ก็อยู่ภายใต้อำนาจท่านทั้งสอง” ตามความคิดเห็นของนักบุญอัมโบรซีโอ เราอาจจะกล่าวต่อไปอีกได้ว่าหลังจากที่พระองค์ได้โปรดให้พระแม่มารีอาเป็นพระมารดาของพระองค์แล้ว พระเยซูคริสตเจ้าทรงถือว่าเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะนบนอบพระนางเพราะพระองค์เป็นบุตรของพระนาง เพราะเหตุนี้แหละ ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงกล่าวว่า เราอาจจะกล่าวว่า บรรดานักบุญต่าง ๆ “อยู่กับพระเป็นเจ้า” แต่สำหรับแม่พระเท่านั้นเราอาจจะกล่าวได้ว่าพระนางไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าเท่านั้น แต่พระเป็นเจ้าพระองค์เองทรงนบนอบพระนาง เราจึงอาจจะพูดได้อย่างไรเหมาะสมว่า พระเป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับพระนาง “พระสวามีเจ้าสถิตกับท่าน”  เราบอกว่าพรหมจารีคนอื่น “ติดตามพระชุมพาน้อยไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปไหน” แต่สำหรับแม่พระเท่านั้นเรากล่าวได้ว่า พระชุมพาน้อยติดตามพระนางไม่ว่าพระนางจะไปทางไหน ในเมื่อพระองค์ได้มาเป็นผู้ที่อยู่ใต้ความคุ้มครองของพระนาง

            ในขณะนี้แม่พระอยู่ในสวรรค์ แต่แม้ว่าในขณะนี้พระนางไม่อาจจะออกคำสั่งให้พระบุตรทำตามก็จริง ถึงกระนั้นก็ดี คำภาวนาของพระนางก็ยังเป็นคำภาวนาของมารดาอยู่เสมอนั่นเอง ดังนั้นคำภาวนาของพระนางจึงมีอำนาจพอที่จะได้รับทุกสิ่งที่พระนางวอนขอ นักบุญโบนเวนตูรากล่าวว่า “เมื่อเปรียบกับนักบุญองค์อื่นแล้ว แม่พระมีสิทธิ์ประการนี้คือ พระนางมีอำนาจในการที่จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางวอนขอจากพระบุตร” ทำไมถึงเป็นเช่นนี้เล่า? ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุที่เราเพิ่งกล่าวถึงนั่นเอง และที่เราจะพิจารณากันอีกต่อไปอย่างละเอียด เพราะว่าการวอนขอของพระนางนั้นเป็นการวอนขอของมารดา

            นักบุญเปโตรดามีอาโนจึงกล่าวว่า พระนางพรหมจารี จะทำอะไรก็ได้ตามชอบทั้งในสวรรค์และแผ่นดิน พระนางอาจจะทำให้ผู้ที่หมดหวังมีความหวังขึ้นมาอีกได้ แล้วท่านกล่าวแก่พระนางว่า “พระแม่ได้รับอำนาจทั้งสิ้นทั้งในสวรรค์และแผ่นดิน ไม่มีสิ่งใดที่พระแม่ทำไม่ได้ เพราะพระแม่อาจจะยกผู้ที่ตกอยู่ในความหมดหวังให้กลับมีความหวังที่จะเอาตัวรอด” แล้วท่านเสริมว่า “เมื่อพระมารดาไปแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสตเจ้า (ซึ่งท่านนักบุญเรียกว่าพระแท่นทองแห่งความเมตตา ซึ่งคนบาปอาจจะได้รับอภัยโทษบาปของตน) ให้แก่เรานั้น พระบุตรทรงให้เกียรติสูงแก่คำวิงวอนของพระนางจนกระทั่งในเมื่อพระนางวอนขอนั้น ดูเหมือนว่าพระนางจะออกคำสั่งมากกว่าวิงวอน เหมือนกับว่าพระนางเป็นเจ้านายแทนที่จะเป็นสาวใช้ “ แม่พระได้ให้เกียรติแด่พระเยซูเจ้าอย่างมากมายในชีวิตของพระนาง จนกระทั่งพระองค์ทรงพอพระทัยที่จะให้เกียรติแก่แม่พระเช่นนี้ กล่าวคือการประทานสิ่งที่แม่พระวอนขอหรือปราถนาทันที นักบุญเยร์มานูสได้เสริมข้อความนี้ไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “พระแม่คือพระมารดาพระเป็นเจ้า และมีอำนาจมากมายที่จะช่วยให้คนบาปได้รับความรอด พระแม่ไม่ต้องการข้อแนะนำใด ๆ กับพระเป็นเจ้า เพราะพระแม่คือมารดาแห่งชีวิตที่แท้จริง”

            นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนากล้าพอที่จะกล่าว “เมื่อแม่พระออกคำสั่ง ทุกคนนบนอบแม้กระทั่งพระเป็นเจ้า” ซึ่งหมายความว่า พระเป็นเจ้าทรงประทานสิ่งที่แม่พระวอนขอคล้ายกับเป็นคำสั่ง ดังนั้น นักบุญอันแซลโมจึงกล่าวแก่พระนางว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอาผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระสวามีเจ้าทรงยกย่องพระแม่อย่างสูงส่งจนกระทั่งทุกสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับพระองค์ ก็จะเป็นไปได้สำหรับพระแม่ด้วย คอสม้าสแห่งเยรูซาแลมกล่าวว่า “ความคุ้มครองของพระแม่นั้นหาที่สุดมิได้” ถูกแล้ว แม่พระมีอำนาจหาที่สุดมิได้ตามความคิดเห็นของริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอ เพราะตามกฏหมายโดยทั่วไป ราชินีย่อมีอภิสิทธิเช่นเดียวกับกษัตริย์ และในเมื่ออำนาจของบุตรและมารดาย่อมเหมือนกัน พระบุตรที่มีอำนาจหาที่สุดมิได้ย่อมทำให้มารดามีอำนาจหาที่สุดมิได้เช่นเดียวกัน นักบุญอันโตนีโนกล่าวว่า “ดังนั้นพระเป็นเจ้าจึงไม่เพียงแต่จะมอบพระศาสนจักรทั้งหมดไว้ในความคุ้มครองของแม่พระเท่านั้น แต่พระองค์ยังมอบไว้ภายใต้อำนาจของพระนางด้วย

            ในเมื่อมารดาควรจะมีอำนาจเหมือนบุตร พระเยซูเจ้าผู้มีอำนาจหาที่สุดมิได้ก็ได้ทรงโปรดให้แม่พระมีอำนาจอันหาที่สุดมิได้เช่นเดียวกัน แต่แน่ละ ความจริงก็ยังมีอยู่ว่า พระเยซูเจ้าทรงอำนาจหาที่สุดมิได้ เพราะพระสภาวะของพระองค์ แต่แม่พระมีอำนาจอันยิ่งใหญ่โดยอาศัยพระหรรษทานเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ย่อมปรากฏแจ่มชัดในความจริงที่ว่าไม่ว่าพระมารดาจะวอนขออะไร พระบุตรไม่เคยปฏิเสธพระนางเลย นักบุญบริยิดได้รับไขแสดงในความจริงข้อนี้ วันหนึ่งเธอได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสแก่แม่พระว่า “พระแม่ต้องการอะไรก็ขอเถิด เพราะไม่ว่าพระแม่ต้องการสิ่งใด ลูกจะไม่ปฏิเสธพระแม่เลย” คล้ายกับพระองค์จะตรัสว่า “พระแม่ของลูก พระแม่รู้ว่าลูกรักพระแม่เพียงไรฉะนั้นพระแม่จะขออะไรจากลูกก็ได้ทั้งนั้น ลูกไม่อาจจะปฏิเสธอะไรแก่ลูกเลยในขณะที่ลูกอยู่ในโลก ลูกก็จะไม่ปฏิเสธอะไรแก่พระแม่ในสวรรค์เลย ดังนั้นแม่พระจึงมีอำนาจสูงสุดเท่าที่เราสามารถจะพูดได้กับมนุษย์ ซึ่งไม่อาจจะมีคุณลักษณะของพระเป็นเจ้าได้ กล่าวคือแม่พระมีอำนาจสูงสุด เพราะพระนางได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางปราถนาโดยคำอ้อนวอนของพระนาง

            ดังนั้น การที่นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่เพียงแต่ปราถนาเท่านั้น สิ่งนั้นก็จะสำเร็จไป” นั้น จึงนับว่าเป็นการพูดที่เหมาะทีเดียว นักบุญอันแซลโมกล่าวว่า “ข้าแต่พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ สิ่งใดที่พระแม่ปราถนาก็จำเป็นที่จะต้องสำเร็จไป” ถ้าพระแม่ปราถนาที่จะยกคนบาปต่ำช้าที่สุดให้บรรลุถึงยอดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พระแม่ก็ทำได้ นักบุญอันแบร์โตสมมุติให้แม่พระกล่าวว่า “ลูกต้องขอให้เรามีความปราถนา แต่เมื่อเราปราถนาแล้ว สิ่งนั้นก็จำเป็นที่จะสำเร็จลุล่วงไป”

            เมื่อนักบุญเปโตรดามีอาโนรำพึงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของแม่พระนี้ และวอนขอให้พระนางสงสารเรา ท่านกล่าวแก่พระนางว่า “ขอให้คุณความดีและอำนาจของพระแม่ดลใจพระแม่เถิด เพราะยิ่งพระแม่มีอำนาจเพียงไร ความเมตตาของพระแม่ก็จะยิ่งใหญ่ตามไปด้วยเพียงนั้น” ข้าแต่พระแม่มารีอาผู้เสนอที่รักยิ่งของเรา ในเมื่อพระแม่มีดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความสงสาร จนพระแม่ไม่อาจจะมองดูผู้น่าสมเพชโดยไม่รู้สึกสงสารมิได้ และในเมื่อพระแม่คุ้มครองให้รอดได้ โปรดอย่าปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของเราผู้มอบความหวังทั้งสิ้นไว้ในพระแม่เลย ถ้าคำภาวนาของเราไม่อาจจะชักจูงใจพระแม่ อย่างน้อยก็ขอให้ดวงใจอันเมตตาของพระแม่ช่วยชักจูงใจพระแม่เถิด เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้พระแม่เปี่ยมไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่จนกระทั่งว่า ถ้าพระแม่ยิ่งมีอำนาจมากพระแม่ก็ยิ่งจะเต็มใจช่วยเหลือเรา นักบุญเบอร์นาร์โดให้ความแน่ใจแก่เราในเรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า แม่พระนั้นเปี่ยมด้วยอำนาจและความเมตตา เพราะพระนางมีอำนาจมากมาย นี่แหละที่เป็นเหตุให้พระนางเปี่ยมไปด้วยความเมตตาสงสาร

            ตั้งแต่เวลาที่แม่พระเข้ามาในโลกนี้ ความคิดเดียวของพระนางนอกเหนือไปจากการแสวงหาพระสิริมงคลของพระเป็นเจ้าก็คือที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกยากลำบากใจ เรารู้ว่าแม้ในเรื่องนี้พระนางก็มีสิทธิ์ในอั้นที่จะได้รับสิ่งที่พระนางขอ เรารู้ความจริงข้อนี้ได้จากเรื่องที่เกิดขึ้นในงานวิวาห์ที่เมืองคานาในแคว้นคาลิเล เมื่อน้ำองุ่นหมดแม่พระรู้สึกสงสารความอับอายของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พระนางขอให้พระบุตรของพระองค์ช่วยทั้งสองให้พ้นจากความอับอายโดยการกระทำอัศจรรย์พระนางเพียงแต่กล่าวกับพระองค์ว่า “เขาไม่มีน้ำองุ่น” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “สตรีเอ๋ย ธุระอะไรของเราและของท่าน ชั่วโมงเรายังไม่ถึง” เราจงสังเกตว่า ดูคล้าย ๆ กับพระองค์จะพูดว่า “ธุระอะไรของลูกและของแม่เล่าที่น้ำองุ่นหมด? เวลานี้มิใช่เวลาที่ลูกจะทำอัศจรรย์ เวลาจะมาถึงก็ต่อเมื่อลูกเริ่มเทศนาสั่งสอน ในเวลานั้นลูกจะทำอัศจรรย์เพื่อพิสูจน์คำสั่งสอนของลูก” แต่แม่พระกลับสั่งคนใช้ให้เอาน้ำใส่ตุ่มเพื่อให้บรรดาแขกหรือได้อิ่มหนำสำราญ คล้ายกับว่าพระเยซูเจ้าเองได้ประทานตามที่พระนางได้วอนขอ และแล้วมันก็เป็นจริง พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำองุ่น เพื่อให้สมตามความปราถนาของพระมารดาพระองค์

            ทำไมพระองค์ถึงได้กระทำดังนั้นเล่า? ถ้าเวลาที่พระองค์จะกระทำอัศจรรย์ต้องเป็นเวลาในระหว่างการเทศนาอย่างเปิดเผยของพระองค์แล้ว ทำไมพระองค์จึงกระทำอัศจรรย์เวลานั้นซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดของพระเป็นเจ้าเล่า? ตามความคิดเห็นของนักบุญเอากูสตีโน ท่านบอกว่าไม่มีอะไรที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดของพระเป็นเจ้าเลย แม้ว่าถ้าเราจะพูดกันโดยทั่วไปแล้ว เวลาที่พระองค์จะกระทำอัศจรรย์ยังมาไม่ถึง แต่พระเป็นเจ้าก็ได้ทรงตั้งข้อกำหนดไว้ตั้งแต่นิรันดรอีกข้อหนึ่งว่า สิ่งใดที่แม่พระขอ พระนางจะมิได้รับการปฏิเสธเลย ดังนั้นแม่พระผู้รี้แน่ในสิทธิ์พิเศษประการนี้ จึงสั่งให้เขาตักน้ำใส่ตุ่ม คล้ายกับว่าคำวอนขอของพระนางได้รับคำตอบแล้ว  แม้จะดูเหมือนว่าพระบุตรได้ปฏิเสธพระนางก็ตาม นักบุญยวงคริสซ้อสโตโมก็เข้าใจคำตรัสของพระเยซูเจ้าในทำนองเดียวกัน เมื่อท่านอธิบายคำตรัสนี้ ท่านกล่าวว่า “แม้ว่าพระเยซูเจ้าจะตรัสตอบในทำนองนี้ แต่พระองค์ก็ยังนบนอบพระมารดาของพระองค์ เพื่อให้เกียรติแก่พระนาง นักบุญโทมัสก็กล่าวในทำนองเดียวกัน ท่านกล่าวว่า ในการที่พระองค์กล่าวคำว่า “เวลาของเรายังมาไม่ถึง” นั้น พระเยซูเจ้าทรงปราถนาที่จะแสดงให้เห็นว่า ถ้าคำขอร้องนี้มาจากผู้อื่น พระองค์ก็จะไม่ทำตาม แต่ในเมื่อพระมารดาของพระองค์ท่านบารัดดา นักบุญซีริลและนักบุญเยโรนีโมก็กล่าวเช่นเดียวกัน จันเซนีโอก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “พระสวามีเจ้าของเราทรงกระทำอัศจรรย์ก่อนเวลา เพื่อให้เกียรติแก่พระมารดาของพระองค์”

            สรุปความก็คือ ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถจะวอนขอความช่วยเหลือมากมายหลายประการให้แก่เราได้เหมือนกับผู้เสนอที่อ่อนหวานของเราผู้นี้ พระเป็นเจ้าทรงให้เกียรติอันสูงส่งแก่พระนาง มิใช่เป็นแต่เพียงผู้รับใช้ที่น่ารักเท่านั้น แต่เป็นถึงมารดาที่แท้จริงของพระองค์ทีเดียว วิลเลียมแห่งปารีสกล่าวว่า “ไม่มีมนุษย์คนใดที่อาจจะแสวงหาความช่วยเหลือให้แก่เราอย่างมากมายเท่าที่พระแม่ได้แสวงหาเพื่อคนบาป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เด่นชัดแล้วว่า พระเป็นเจ้าประทานเกียรติให้แก่พระแม่มิใช่ฐานะผู้รับใช้เท่านั้น แต่ในฐานะพระมารดาของพระองค์ด้วย แม่พระเพียงแต่พูดเท่านั้นพระบุตรก็จะทำตามความปราถนาของพระนาง

            พระสวามีเจ้าตรัสแก่เจ้าสาวในบทเพลงคือแม่พระเองว่า “โอ้เจ้าผู้อยู่ในสวน เพื่อน ๆ ของเรากำลังฟังเสียงเจ้า ขอให้เราได้ยินเสียงเจ้าหน่อยเถิด” พวกเพื่อน ๆ ก็คือบรรดานักบุญ เมื่อท่านเหล่านี้ต้องการช่วยเหลือผู้ที่มีความศรัทธาต่อท่าน ก็จะรอให้พระราชินีวอนขอความช่วยเหลือนั้นให้ เพราะพระเป็นเจ้าจะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยที่แม่พระมิได้วอนขอเสียก่อน ดังที่เราแสดงให้เห็นแล้วในบทก่อน

            แม่พระได้รับความช่วยเหลือนี้อย่างไร? พระนางเพียงแต่พูดเท่านั้น “เพื่อน ๆ ของเรากำลังฟังเสียงของเจ้า” แล้วพระบุตรก็จะประทานตามที่พระนางได้ขอทันที  จงฟังคำพูดของท่านเข้าอาวาสวิลเลี่ยมเมื่อท่านกล่าวถึงคำนี้เถิด ท่านกล่าวว่าพระเยซูเจ้าตรัสแก่แม่พระว่า “แม่พระผู้อยู่ในสวนสวรรค์ จงวอนขอให้ผู้ใดก็ตามที่พระแม่ปราถนาด้วยความไว้ใจเถิด เพราะจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกจะถึงกับลืมได้ว่า พระแม่เป็นมารดาของลูก จนกระทั่งปฏิเสธสิ่งใดแก่พระแม่ ข้าแต่พระแม่เจ้าของลูก” ให้พระบุตรเพียงแต่ได้ยินเสียงของพระแม่เท่านั้นก็พอแล้ว เพียงแต่ได้ยินเท่านั้น พระองค์ก็จะนบนอบแล้ว เจ้าอาวาสก้อดฟรีเสริมว่า “แม้ว่าแม่พระจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อพระนางวอนขอเท่านั้น แต่พระนางก็ยังวอนขอด้วยอำนาจของมารดา” ดังนั้นเราจึงมีเหตุผลทุกประการที่จะรู้สึกมีความไว้ใจว่า พระนางจะได้รับทุกสิ่งที่พระนางปราถนาและและวอนขอเพื่อเรา

            วาเลรีอูส มักซีมูสเล่าว่า เมื่อโครีโอลานูสกำลังทำการเข้ายึดกรุงโรมนั้น ท่านไม่ยอมฟังเสียงวิงวอนของเพื่อน ๆ และชาวเมือง แต่เมื่อเวธูรีอามารดาของท่านปรากฏตัวมา ท่านก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ท่านยกเลิกการเข้ายึดกรุงโรมทันที แต่คำภาวนาของแม่พระมีอิทธิพลกับพระเยซูเจ้ามากกว่าคำขอร้องของเวธูรีอา กับโครีโอลานูสเสียอีก เพราะความรักและความกตัญญูของพระองค์ต่อพระมารดาที่รักนี้มากกว่าความรัก และความกตัญญูของโครีโอลานูสคุณพ่อยุสตีโนแห่งมีโชวีสกล่าวว่า “คำเอ่ยแต่เพียงคำเดียวของแม่พระเท่านั้นทำให้สิ่งต่าง ๆ เป็นผลสำเร็จไปมากคำภาวนาขอนักบุญทั้งหมดมารวมกัน” ผีปีศาจยอมรับความจริงข้อนี้กับนักบุญโดมีนีโกตามที่พายูแชลลีเล่าไว้ ท่านนักบุญได้บังคับให้ปีศาจพูดโดยอาศัยปากของผู้ที่ถูกผีสิง และมันยอมรับว่าคำพูดเพียงแต่คำเดียวของแม่พระมีคุณค่าในสายตาของพระเป็นเจ้ามากกว่าคำภาวนาทั้งสิ้นของนักบุญทั้งหมดมารวมกัน

            นักบุญอันโตนีโนยืนยันว่า ในเมื่อคำภาวนาของแม่พระเป็นคำภาวนาของมารดาก็ย่อมจะเปรียบเหมือนคำสั่ง อีกนัยหนึ่งก็คือ การที่พระนางจะมิได้รับสิ่งที่พระนางวอนขอนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ นักบุญเยอร์มานุส ให้กำลังใจ แก่ผู้ที่วอนขอแม่พระ และกล่าวแก่พระนางว่า “ในเมื่อพระแม่มีอำนาจของมารดาพระเป็นเจ้า พระแม่ก็อาจจะขออภัยโทษให้แก่คนบาปที่ชั่วช้าที่สุดได้ เพราะพระสวามีเจ้าทรงสำนึกอยู่เสมอว่า พระแม่คือมารดาที่แท้จริง ผู้ปราศจากมลทินใด ๆ ของพระองค์ เพราะฉะนั้นพระองค์จะทำอย่างอื่นมิได้นอกจากจะประทานตามที่พระแม่วอนขอ นี่คือเหตุผลที่จะอธิบายการที่นักบุญบริยิดได้ยินบรรดานักบุญกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่ราชินีผู้มีบุญ มีสิ่งใดบ้างที่พระนางจะทำไม่ได้ พระนางเพียงแต่ปราถนาเท่านั้น สิ่งนั้น ๆ ก็จะสำเร็จไป” คำพูดนี้ตรงกับคำพูดที่มีชื่อเสียงเกี่ยกับพระแม่พระที่ว่า “สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงกระทำได้ด้วยอำนาจของพระองค์ พระแม่กระทำได้ด้วยคำภาวนาของพระนาง” นักบุญเอากูสตีโนกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า มันเป็นสิ่งที่เข้ากับพระมหากรุณาของพระสวามีเจ้าหรือที่พระองค์จะทรงปราถนาให้เกียรติแด่พระมารดาในเมื่อพระองค์เสด็จมาในโลกนี้มิใช่เพื่อละเมิดกฏบัญญัติแต่เพื่อทำให้สำเร็จไป?” และกฏบัญญติประการหนึ่งก็คือ ให้เรานับถือบิดามารดา

            นักบุญเยอร์ช อัครสังฆราชแห่งนีโกเดมีอากล่าวว่า พระเยซูคริสตเจ้าประทานทุกสิ่งที่พระมารดาของพระองค์วอนขอ คล้ายกับพระองค์กำลังใช้หนี้แม่พระที่พระนางได้เต็มใจให้สภาวะมนุษย์แก่พระองค์ “พระบุตรโปรดทุกอย่างให้ตามความปราถนาของพระแม่คล้ายกับว่าพระองค์กำลังใช้หนี้สิน” ดังนี้ท่านมรณสักขีนักบุญเมโทดีอูสจึคงได้อุทานออกมาว่า “จงยินดีเถิด พระแม่มารีอา เพราะพระแม่มีพระบุตรผู้ประทานทุกอย่างให้แก่ทุกคนแต่มิได้รับสิ่งใดจากผู้ใดเลย เป็นผู้ที่ติดหนี้บุญคุณพระแม่” ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่นั้นเราเป็นหนี้พระเป็นเจ้า เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของรางวัลจากพระองค์ทั้งนั้น แต่พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่จะติดหนี้สินกับพระแม่ โดยทรงรับเอาพระกายจากพระแม่มาบังเกิดเป็นมนุษย์

            ความจริงข้อนี้แหละที่ทำให้นักบุญเอากูสตีโนกล่าวว่า “ในเมื่อแม่พระเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะให้พระกายแก่พระวจนาถ ซึ่งทำให้พระนางเป็นผู้ช่วยหาค่าไถ่บาปของเรา เพื่อเราจะได้พ้นจากความตายชั่วนิรันดร ฉะนั้น พระนางจึงมีอิทธิพลมากกว่าผู้อื่นในอันที่จะช่วยให้เราบรรลุถึงชีวิตนิรันดร” นักบุญเทโอพีลูสสังฆราชแห่งอเล็กซันดรีอาซึ่งอยู่ในสมัยนักบุญเยโรนีได้เขียนไว้ว่า “คำอ้อนวอนของพระมารดานั้นเป็นสิ่งที่พอพระทัยของพระบุตร เพราะพระองค์ได้ทรงปราถนาที่จะประทานทุกอย่างเพราะเห็นแก่พระนาง ด้วยประการฉะนี้พระองค์ได้ใช้หนีสินแด่พระนางที่พระองค์ได้ประทรานพระกายให้แก่พระองค์” นักบุญยวงดามาซีนกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่พระแม่ ในฐานะที่พระแม่เป็นมารดาของพระเป็นเจ้าตรัสผู้สูงสุด พระแม่อาจจะช่วยทุกคนให้รอดได้ด้วยคำอ้อนวอนของพระแม่ คำวิงวอนของพระแม่มีค่ามากขึ้นเพราะเป็นคำวิงวอนของมารดา”

            เราจงสรุปความพร้อมกับนักบุญโบนาเวนตูรา เมื่อท่านระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ในการที่พระเป็นเจ้าประทานแม่พระให้เป็นผู้เสนอของเรา ท่านกล่าวว่า “โอ้คุณความดีอันน่าพิศวงของพระเป็นเจ้าผู้พอพระทัยที่จะประทานพระแม่ให้แก่เราคนบาปผู้น่าสงสารเพื่อพระแม่จะได้วอนขอทุกสิ่งที่พระแม่ปราถนาให้แก่เราโดยอาศัยคำเสนอวิงวอนอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจของพระแม่ โอ้ความเมตตาอันน่าประหลาดใจของพระเป็นเจ้า ซึ่งเป็นเหตุให้พระองค์ประทานพระมารดาของพระองค์เองผู้เป็นองค์อุปถัมภ์แห่งพระหรรษทานให้เป็นผู้เสนอวิงวอนของเรา เพื่อเราจะได้ไม่หวาดหวั่นเกินควรเมื่อได้ยินคำตัดสินของพระองค์สำหรับตัวเรา

ตัวอย่าง 

            คุณพ่อรัสซีแห่งคณะคามัลโดลีสเล่าเรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งว่า หลังจากที่บิดาของเขาได้สิ้นใจแล้ว เขาถูกมารดาส่งไปอยู่ในราชวังของเจ้าชายองค์หนึ่ง ก่อนที่หนุ่มน้อยผู้นี้จะจากบ้านไป มารดาก็บอกให้เขาสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อแม่พระเสมอไปและให้เขาสัญญาว่าจะสวดบท “วันทามารีอา” บทหนึ่งทุกวัน และเสริมคำต่อไปนี้ว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอา โปรดช่วยลูกในยามใกล้จะตาย”

            ชายหนุ่มนี้ไปถึงราชวัง แต่ต่อมาเขากลับเป็นคนเสเพลเหลวไหลจนกระทั่งเจ้าชายต้องให้ออกจากราชสำนัก เมื่อหมดทางที่จะทำมาหากินเขาก็เข้าไปร่วมกับพวกโจร ผู้ทำการปล้นสะดมผู้คนที่ผ่านไปมาตามถนนหลวง แต่ตลอดเวลานั้นเขามิได้เคยหยุดสวดขอความช่วยเหลือจากแม่พระดังที่มารดาได้สั่งไว้เลย ในที่สุดเขาก็ถูกตำรวจจับและถูกตัดสินประหารชีวิต

            ในขณะที่อยู่ในห้องขังกำลังรอที่จะถูกประหารในวันรุ่งขึ้นเขาก็คิดถึงความอัปยศของตน คิดถึงความเสียใจที่ได้เป็นผู้ก่อให้แก่มารดา และความตายที่กำลังรอท่าตนอยู่ เขาก็เริ่มร้องไห้และรู้สึกสงสารตัวเอง เมื่อเห็นชายผู้นั้นหดหู่และสิ้นหวัง ปีศาจก็ปรากฏตัวมาในรูปของชายหนุ่มรูปงาม และบอกว่ามันจะช่วยให้เขาพ้นจากความตายและคุกตะรางถ้าเขาจะทำตามคำของมัน

            ชายหนุ่มผู้นั้นก็ตกลงว่าจะทำทุกอย่าง แล้วเจ้าหนุ่มรูปงามนั้นก็เผยความจริงว่าตนคือปีศาจและได้มาช่วยเขา ก่อนอื่นมันขอให้เขาปฏิเสธพระเยซูคริสตเจ้าและศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ชายหนุ่มก็ตกลงแล้วมันก็บอกให้เขาปฏิเสธแม่พระและความคุ้มครองของพระนางแต่ชายหนุ่มสาบานว่าจะไม่ยอมทำเป็นอันขาด แล้วเขาก็หันหน้าไปหาแม่พระสวดคำภาวนาที่มารดาเขาสอนให้ “ข้าแต่พระแม่มารีอาโปรดช่วยลูกในยามไกล้จะตาย” พอเขากล่าวคำนี้ปีศาจก็หายตัวไปทันที แต่หนุ่มโชคร้ายก็ยังเศร้าโศกเพราะความผิดอันยิ่งใหญ่ของตนในอันที่ได้ปฏิเสธพระเยซูคริสตเจ้า เขาก็หันไปอ้อนวอนแม่พระอีกครั้งหนึ่งและด้วยความช่วยเหลือของพระนางเขาก็ได้รับความเป็นทุกข์ถึงบาปของเขาอย่างแท้จริง แล้วก็สามารถไปแก้บาปได้

            ในขณะที่ถูกนำตัวไปยังที่ประหารชีวิตเขาผ่านรูปแม่พระแล้วเขาก็กล่าวคำที่กล่าวมาจนเคยชินแล้วว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอาโปรดช่วยลูกในยามใกล้จะตาย” ในทันใดนั้นรูปแม่พระก็คำนับรับคำสรรเสริญของเขา ซึ่งทุกคนในที่นั้นมองเห็นด้วยตาของตนเองเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ขออนุญาตตำรวจจูปแม่พระ ครั้งแรกตำรวจที่ควบคุมตัวไม่ยอม แต่เมื่อคนแถวนั้นร้องเสียงเอะอะ ตำรวจก็จำต้องยอม ในขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นก้มลงเท้ารูป แม่พระก็จับมือเขาไว้แน่นจนพวกตำรวจไม่อาจจะดึงออกไปได้ เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนก็พากันร้องว่า “ปล่อยเขาไป ปล่อยเขาไป” แล้วเขาก็ได้รับอภัยโทษเขากลับไปบ้านและดำเนินชีวิตอย่างดีและมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อแม่พระเสมอ เพราะพระนางได้ช่วยให้เขาพ้นจากความตายทั้งฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณ

บทภาวนา

            ข้าแต่มารดาผู้ยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า ลูกจะขอกล่าวกับพระแม่โดยใช้คำของนักบุญเบอร์นาร์โดว่า “พูดเถิดพระแม่เจ้าเพราะพระบุตรทรงรับฟังและไม่ว่าพระแม่จะขอสิ่งใดพระแม่ก็จะได้รับ” ดังนั้นขอให้พระแม่ผู้เสนอของเราจงวิงวอนเพื่อเราคนบาปผู้น่าสงสารเถิด โปรดระลึกว่า พระแม่ได้รับอำนาจอันยิ่งใหญ่และเกียรติอันสูงส่งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเรานั่นเอง พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่จะเป็นลูกหนี้ของพระแม่โดยการรับเอาสภาวะมนุษย์ของพระองค์จากพระแม่ เพื่อว่าพระแม่จะได้แจกจ่ายความร่ำรวยแห่งพระมหากรุณาของพระเป็นเจ้าตามใจชอบของพระแม่

            เราคือผู้รับใช้ผู้มีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อพระแม่ และลูกหวังที่จะได้เป็นคนหนึ่งในจำนวนนี้ เรารู้สึกตื่นเต้นยินดีที่จะมีชีวิตอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของพระแม่ ในเมื่อพระแม่มีความเมตตาต่อทุก ๆ คน แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยให้เกียรติแก่พระแม่ แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยให้เกียรติแก่พระแม่ แม้กระทั่งผู้ที่เกลียดและสาปแช่งพระแม่ ส่วนเราผู้ให้เกียรติ รักและไว้ใจในพระแม่ จะมิควรที่จะไว้ใจในความเมตตาของพระแม่หรือ?

            เราเป็นคนบาปต่ำช้า แต่พระเป็นเจ้าได้โปรดให้พระแม่มีอำนาจและความเมตตามากกว่าความชั่วช้าของเราเสียอีก พระแม่มีทั้งความสามารถและความปราถนาที่จะช่วยให้เรารอด ยิ่งเราไม่เหมาะสม เราก็ยิ่งจะหวังที่จะบรรลุถึงสวรรค์ และสรรเสริญพระแม่ได้มากขึ้นเพียงนั้น

            ข้าแต่พระแม่แห่งความเมตตา เราขอถวายวิญญาณของเรา ซึ่งครั้งหนึ่งได้รับการชำระล้างจนขาวสะอาดในพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้า แต่บัดนี้กลับโสมมไปด้วยบาป เราถวายเพื่อให้พระแม่ช่วยชำระล้าง โปรดให้เรามีความทุกข์อย่างแท้จริง โปรดให้เรามีความรักต่อพระเป็นเจ้า มีความพากเพียรในพระหรรษาทานและให้บรรลุถึงสวรรค์ เราขอมากไปหรือไม่? แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่พระแม่จะวอนขอให้ไม่ได้ มีสิ่งใดหรือที่จะมากเกินสำหรับความรักที่พระเป็นเจ้าทรงมีต่อมีต่อพระแม่? พระแม่เพียงแต่เปิดปากวอนขอพระบุตรของพระแม่เท่านั้น พระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธอะไรแก่พระแม่เลย ดังนั้นขอให้พระแม่อ้อนวอนเพื่อเราเถิด พระองค์จะรับฟังพระแม่ด้วยอย่างแน่นนอน และเราก็จะได้บรรลุถึงสวรรค์อย่างแน่นอนด้วย